Sugar Mill (2025)

รีวิวหนังเรื่อง Sugar Mill (2025)

Sugar Mill (2025) โรงงานน้ำตาล ทุกปีเมื่อฤดูเก็บเกี่ยวอ้อยเวียนมา โรงงานน้ำตาลเก่าแก่ที่ตั้งอยู่กลางทุ่งกว้างในจังหวัดชนบทแห่งหนึ่งจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง โรงงานแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่าหกสิบปี ตั้งแต่สมัยอาณานิคม และยังคงใช้เครื่องจักรบางส่วนที่ดูคล้ายกับซากโบราณวัตถุที่ยังทำงานได้อยู่ โรงงานจะรับสมัครคนงานตามฤดูกาลจากหมู่บ้านโดยรอบ บ้างมาจากครอบครัวชาวไร่ บ้างก็เป็นคนเดินทางไกลมาหางานทำเพื่อเลี้ยงชีพ ปีนี้ก็เช่นกัน เมื่อเสียงประกาศดังจากหอกระจายข่าวในหมู่บ้าน “โรงงานน้ำตาลเปิดรับสมัครแรงงานชั่วคราว” ผู้คนหลายสิบชีวิตต่างหลั่งไหลมาที่นี่เพื่อแลกแรงงานกับเงินตรา

ในบรรดาผู้ที่ถูกคัดเลือก มีหกคนที่เรื่องราวของพวกเขาจะเชื่อมโยงกันในฤดูเก็บเกี่ยวปีนี้ ได้แก่ เอนดาห์ หญิงสาวร่างเล็กที่มักถูกมองว่าเงียบขรึม, ฟาดิล ชายหนุ่มร่างกำยำที่มากับความฝันอยากเก็บเงินไปแต่งงาน, ดวี หญิงสาวอารมณ์ดีที่เป็นเหมือนแสงสว่างในกลุ่ม, เฮนดรา ชายสูงวัยที่เคยทำงานโรงงานนี้มาหลายปี, วาตี หญิงม่ายที่มีลูกเล็ก ๆ รออยู่ที่บ้าน และ แฟรงกี้ เด็กหนุ่มต่างถิ่นที่มาพร้อมกับความลับในอดีต ทั้งหกคนเริ่มงานในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงเครื่องจักรบดอ้อยดังสนั่น ความร้อนอบอ้าวจากไอน้ำ และกลิ่นอ้อยไหม้คละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ทุกอย่างดูปกติ ไร้สิ่งผิดแปลกใด ๆ จนมาถึงคืนหนึ่ง

เอนดาห์อาศัยอยู่ในห้องพักรวมสำหรับคนงานหญิง เป็นคืนที่เธอไม่สามารถข่มตาหลับได้ เพราะเสียงลมพัดแรงพาเอากลิ่นหวานปนขมของกากอ้อยเข้ามา เธอพลิกตัวไปมา จนกระทั่งได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาอยู่นอกหน้าต่าง เธอแง้มบานไม้เก่า และมองออกไปยังลานกว้างข้างโรงงาน เธอเห็นร่างของบุคคลลึกลับในชุดขาวยืนหันหลังให้ เมื่อเธอกะพริบตา ร่างนั้นก็เคลื่อนไหวช้า ๆ มุ่งหน้าไปทางโรงเก็บอ้อย

ความอยากรู้อยากเห็นผลักดันให้เอนดาห์ออกจากห้องพักตามไปโดยไม่ได้บอกใคร เธอเดินผ่านลานโล่งที่เงียบผิดปกติ แม้เครื่องจักรในโรงงานจะหยุดพักในยามค่ำ แต่ยังคงมีเสียงคนงานบ้างประปราย ทว่าคืนนั้นกลับวังเวง เมื่อเอนดาห์ก้าวเข้าใกล้โรงเก็บอ้อย เธอเห็นประตูที่ควรจะถูกล็อกกลับเปิดแง้มอยู่ ร่างลึกลับก้าวหายเข้าไปข้างใน และทันทีที่เธอก้าวเข้าไป… ภายในเต็มไปด้วยกองอ้อยสูงท่วมหัว แสงไฟสลัวจากหลอดนีออนที่กระพริบวูบวาบ เธอได้ยินเสียงคล้ายฟันบดกระดูกดังมาจากด้านใน เธอหยุดหายใจ และเมื่อหันไปมองอีกครั้ง ร่างนั้นได้หายไป เหลือเพียงคราบน้ำตาลสีดำเหนียวเหนอะติดอยู่บนพื้นคล้ายเลือดผสมกากอ้อย

เช้าวันถัดมา เอนดาห์เล่าเรื่องที่เห็นให้ดวีกับวาตีฟัง แต่ทั้งคู่หัวเราะออกมา บอกว่าอาจเป็นแค่ความฝันหรือเธอตาฝาดไปเพราะเหนื่อยล้า แต่เฮนดราที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กลับนิ่งเงียบ เขาพึมพำเบา ๆ ว่า “โรงงานนี้…มันมีเรื่องเล่าเก่า ๆ ที่ไม่ควรพูดถึง” บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป ทุกคนสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งผิดปกติ เช่น เสียงกระซิบที่ดังขึ้นจากเครื่องจักรขณะเดินเครื่อง ไฟที่กะพริบดับเป็นระยะ ๆ และอ้อยบางกองที่เหมือนถูกเผาไหม้เองโดยไม่มีสาเหตุ แฟรงกี้เริ่มบ่นว่ารู้สึกเหมือนถูกใครจ้องมองตลอดเวลา ฟาดิลในตอนแรกไม่เชื่อ แต่คืนต่อมาเขาเองก็ฝันเห็นร่างในชุดขาวเดินวนรอบที่พัก รอยเท้าเปื้อนกากน้ำตาลปรากฏชัดเจนอยู่หน้าประตู

ในค่ำคืนหนึ่ง หลังเลิกงาน เฮนดราตัดสินใจเล่าเรื่องเล่าที่เขาเคยได้ยินมาตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม “เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนโรงงานเพิ่งเปิดใหม่ ๆ มีคนงานจำนวนมากถูกบังคับให้ทำงานหนักโดยไม่ได้พัก พวกเขาถูกขังอยู่ในโรงเก็บอ้อยกลางคืน บางคนล้มตายคาที่เพราะร่างกายรับไม่ไหว ว่ากันว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ ‘ซารี’ ถูกเครื่องบดอ้อยดูดร่างเข้าไปทั้งเป็น ร่างของเธอหายไปในกองอ้อย แต่เสียงกรีดร้องยังคงก้องในโรงงานตั้งแต่นั้นมา” เฮนดราหยุดเล่า พลางถอนหายใจ “คนที่เห็นผู้หญิงชุดขาว…เขาว่ากันว่าเป็นซารีนั่นเอง” เอนดาห์ตัวสั่นเมื่อได้ยิน เพราะสิ่งที่เธอเห็นในคืนนั้นสวมชุดคล้ายหญิงสาวชาวบ้านในอดีตจริง ๆ

ในคืนที่สามของฤดูงาน ดวีหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เธอออกไปเข้าห้องน้ำและไม่กลับมาอีกเลย คนงานหลายคนช่วยกันตามหา พบเพียงรองเท้าของเธอคู่หนึ่งเปื้อนกากน้ำตาลตกอยู่หน้าประตูโรงบดอ้อย เสียงเครื่องจักรที่ควรจะหยุดกลับเดินเครื่องเองในยามค่ำคืน ควันสีดำพวยพุ่งออกจากปล่อง เสียงกรีดร้องของผู้หญิงดังก้องออกมาจนทุกคนตะลึง

ความหวาดกลัวแผ่ปกคลุมทั้งค่ายพัก คนงานบางส่วนขอลาออก แต่โรงงานกลับกดดันไม่ให้ใครไป โดยอ้างว่าเป็น “ช่วงวิกฤตเก็บเกี่ยว” ใครละทิ้งงานจะไม่ได้ค่าจ้าง เอนดาห์ ฟาดิล เฮนดรา วาตี และแฟรงกี้ที่เหลือรวมตัวกัน พวกเขาตัดสินใจต้องหาความจริงเกี่ยวกับ “ซารี” พวกเขาบุกเข้าไปยังห้องเก็บเอกสารเก่า พบแฟ้มบันทึกที่เหลืองกรอบ ระบุว่าในปี ค.ศ. 1962 มี “อุบัติเหตุแรงงาน” เสียชีวิตถึง 17 ราย แต่ถูกปิดเป็นความลับ โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อ ซารี จริง ๆ เธอเสียชีวิตในเครื่องบดอ้อยเพราะถูกบังคับให้ทำงานต่อเนื่องเกิน 24 ชั่วโมง

คืนต่อมา พวกเขากลับไปยังโรงเก็บอ้อย หวังจะทำพิธีขอขมาและปลดปล่อยวิญญาณซารี แต่ทันทีที่ก้าวเข้าไป ประตูเหล็กปิดผนึกล็อกสนิท เครื่องจักรทำงานเองโดยไร้คนควบคุม เสียงหวีดร้องดังสนั่น พร้อมเงามืดที่ปรากฏรอบตัว กองอ้อยเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนมีชีวิต พวกเขาเห็นร่างของดวีที่หายไปปรากฏเพียงชั่ววูบ ก่อนร่างนั้นสลายกลายเป็นเถ้าควันดำ ซารีในชุดขาวก้าวออกมาจากเครื่องบดอ้อย ดวงตากลวงโบ๋ น้ำตาดำไหลรินแทนเลือด เธอเอื้อมมือมาหาเอนดาห์ แต่เฮนดราตะโกนว่า “เธอไม่ได้ต้องการทำร้าย เธอต้องการให้เราจำ!” ทันใดนั้นโรงงานทั้งหลังสั่นสะเทือน พื้นแตกออกเผยให้เห็นซากโครงกระดูกนับสิบที่ถูกฝังอยู่ใต้โรงงาน พวกเขาตระหนักว่าโรงงานนี้สร้างขึ้นบนหลุมศพแรงงานที่ถูกกดขี่

รูปแบบสไตล์หนังเรื่อง Sugar Mill (2025)

Sugar Mill (2025) ไม่ใช่เพียงเรื่องราวสยองขวัญ แต่ยังสะท้อน บาดแผลทางสังคมและการกดขี่แรงงานในอดีต เรื่องเล่าของซารีคือเสียงสะท้อนของคนที่ถูกลืม วิญญาณแรงงานที่ถูกขูดรีดจนถึงที่สุด ผู้ชมจะได้สัมผัสบรรยากาศโรงงานน้ำตาลที่ชื้น ร้อน และอึดอัด เต็มไปด้วยกลิ่นไหม้และเสียงเครื่องจักรที่ดังรบกวนตลอดเวลา บรรยากาศหลอนกดดันนี้คือหัวใจของหนัง ที่ค่อย ๆ คลี่คลายไปจนถึงการเปิดเผยความจริงอันดำมืด

สรุปรีวิวหนัง Sugar Mill (2025)

Sugar Mill (2025) เริ่มเรื่องราวจากเอนดาห์และคนที่เหลือร่วมกันทำพิธีสวดเรียกขวัญ โดยใช้เศษผ้าขาวที่พบในแฟ้มบันทึก เธอวางไว้ในกองอ้อยและจุดไฟเผา ซารีกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แต่ร่างของเธอค่อย ๆ สงบลง น้ำตาดำที่ไหลออกกลายเป็นหยดใส ก่อนเธอจะหายไปพร้อมกับควัน เช้าวันรุ่งขึ้น โรงงานหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ เครื่องจักรพังเสียหาย ไม่มีใครสามารถซ่อมแซมได้อีก คนงานทั้งหมดถูกเลิกจ้าง โรงงานถูกปิดตาย และกลายเป็นเพียงซากอาคารรกร้างกลางทุ่งอ้อย เอนดาห์ ฟาดิล วาตี เฮนดรา และแฟรงกี้รอดชีวิต แต่ไม่มีใครพูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นอีก เพราะทุกครั้งที่เอ่ยชื่อ “ซารี” ลมแรงจะพัดพาเอากลิ่นกากน้ำตาลขมโชยมาเตือนเสมอ